Monday, April 30, 2007

สหจะโยคะ





สหจะโยคะคืออะไร

“ชีวิตคืออะไร”
“เราเกิดมาเพื่ออะไร” “ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน”




น่าแปลก ที่คำถามเหล่านี้เป็นคำถาม ที่อยู่กับมนุษย์ ตั้งแต่เกิดมนุษย์คนแรกบนโลก
และเราก็เสาะหาคำตอบไปไกล...ถึงโพ้นทะเลไกล....ถึงอีกฟากหนึ่งของจักรวาลโดยหารู้ไม่ว่าคำตอบเหล่านั้นติดตามเราไปทุกหนทุกแห่งนั่นก็เพราะคำตอบที่เราต้องการอยู่ในตัวเรานั่นเองภายในตัวเรานั้นมีจักรวาลแห่งความรู้มากมาย เป็นความรู้ที่เป็นสากล และเป็นสัจธรรม เรารู้หรือไม่ว่าเรานั่นเองสามารถเป็นผู้ตอบคำถามนั้นด้วยสัจธรรมที่มีอยู่ในโลก และ ธรรมชาติ หากแต่ทำอย่างไรที่เราจะสามารถค้นหาคำตอบจาก ตัวเรามีการค้นหาความรู้เหล่านี้มาตั้งแต่โบราณกาล และ มีนักบุญมากมายที่แสวงหาสัจธรรมนั้น ดังนั้นโลกของเราจึงเกิดศาสนามากมาย ด้วยการอุทิศตนและความรัก จากศาสดาทั้งหลายกับความรู้ที่เป็นหนึ่งเดียว ความจริงที่เป็นหนึ่งเดียว นั่นคือ ทำความดี ละความชั่ว และมีจิตใจที่เบิกบาน และมีความรัก


สหจะโยคะ เองก็เกิดจากความรักของนักบุญ เช่นกัน

สหจะ หมายถึง “การเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ” และโยคะ คือ“การรวมเป็นหนึ่ง” ดังนั้น สหจะโยคะ คือ“ การรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังธรรมชาติโดยเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ” โดยท่าน ศรี มาตาจี นิรมาลา เทวี เป็นผู้ค้นพบ สหจะโยคะ หรือ “วิศวะนิรธรรมะ”
องค์กรที่ไม่หวังผลกำไรที่ตั้งอยู่มากกว่า 70 ประเทศ ทั่วโลก ท่านได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักบุญที่ยิ่งใหญ่ของโลกที่ยังมีชีวิตอยู่


คุณทราบหรือไม่ว่า..


พวกเราทุกคนล้วนมีส่วนรับผิดชอบต่อการเจ็บไข้ได้ป่วย ความเครียด และปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเราเอง การกินยานอนหลับและการใช้ยาอื่น ๆ สามารถช่วยท่านเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ต้องแก้จากภายใน โดยการดำรงชีวิตอย่างสมดุล และมองโลกในแง่ดี ชีวิตที่ปราศจากความเครียดสามารถเริ่มต้นได้ เมื่อเราปล่อยวางความกังวลทั้งหลาย และมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน นักปราชญ์รู้ดีว่า หนทางที่จะนำไปสู่ความสุขได้ อยู่ในหัวใจและจิตวิญญาณของเราเอง การตระหนักรู้ถึงจิตวิญญาณภายในตนเอง โดยการรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความรักและหัวใจ จึงเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของนักบุญในอดีต ในวันนี้ การปฏิบัติสมาธิสู่การรู้แจ้งในตนเอง ได้ถูกค้นพบขึ้นใหม่ และทำให้เหมาะกับสภาพชีวิตสังคมในปัจจุบัน และนี่คือ สหจะโยคะ วิธีที่สามารถช่วยให้ท่านได้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณภายในตัวเอง และเข้าถึงความสงบสุขและสมดุลภายในได้โดยง่าย



คุณมีความรู้สึกอย่างนี้หรือเปล่า

คิดถึงแต่อดีต
ชอบคิดว่าคนอื่นไม่รักและไม่เข้าใจเรา
รู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย
รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า
รู้สึกเหงาอยู่ตลอดเวลา
รู้สึกเพลียแม้จะนอนเป็นเวลานาน

ถ้าคุณมีปัญหาเหล่านี้ แสดงว่าช่องพลังด้านซ้าย อิดานาดี (พลังหยิน) อยู่ในสภาวะที่ไม่สมดุล ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาทางร่างกายคือ โรคจิตประสาท ซึมเศร้า มะเร็ง ภูมิแพ้ ฯลฯ

แต่ถ้าคุณมีความรู้สึกเหล่านี้

หงุดหงิดง่าย
รู้สึกก้าวร้าวรุนแรง
สมาธิสั้น
นอนหลับยาก
ปวดศีรษะบ่อย ฯลฯ

ถ้าคุณมีปัญหาข้อใดข้อหนึ่งด้านบนนี้ แสดงว่า ช่องพลังด้านขวาปิงคละนาดี (พลังหยาง) อยู่ในสภาวะที่ไม่สมดุล ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาทางร่างกายคือ โรคหัวใจ เบาหวาน หอบหืด ไมเกรน โรคเครียด ฯลฯ

เปิดจักราได้อะไรบ้าง


1. เพื่อร่างกายแข็งแรง สุขภาพสมบูรณ์
2. โรคภัยไข้เจ็บหายไป
3. มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม
4. มีสติ สมาธิ และปัญญา
5. มีความสงบสุขอย่างถาวร
6. เข้าสู่สายกลาง
7. รู้แจ้งเห็นจริงในต
นเอง

เปิดจักราแล้วจะรู้สึกอย่างไร

1. เย็นไปตามแกนกระดูกสันหลัง
2. เย็นไปจนถึงศีรษะ
3. จะมีลมเย็นออกจากศีรษะ
4. จะมีลมเย็นออกจากฝ่ามือ ปลายนิ้ว หรือในร่างกาย
5. ทำให้มีความสุขและความปิติสุข
6. หาความสุขใด ๆ มาเทียบมิได้


สหจะโยคะคืออะไร

สหะจะโยคะมิใช่ความเชื่อ แต่เป็นประสบการณ์ที่ต้องสัมผัสด้วยตนเอง ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผู้ปฏิบัติจะสามารถรู้สึกถึงคลื่นพลังเย็นภายในที่ตื่นขึ้นในร่างกายผ่านทางมือและเหนือศีรษะของพวกเขา พลังกุณฑาลินีนี้ จะเปิดและมอบความรู้แจ้งให้กับจักราหรือศูนย์พลังหลักทั้ง 7 ในร่างกายคุณ จึงสามารถที่จะแก้ไขความไม่สมดุลทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยการนำคลื่นพลังไปแก้ไขในจุดที่ต้องการ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ปฏิบัติจะถูกรวมกันเป็นหนึ่งในภาวะที่เงียบสงบ และพบความสุขภายในอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับความสมดุล และแข็งแรงของสุขภาพร่างกาย


จุดมุ่งหมายและคุณประโยชน์

  • ควบคุมความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิต เข้าถึงความสงบและความปิติสุขภายใน
  • กำจัดความกลัว ความกังวล และความไม่มั่นใจในตนเอง
  • เข้าถึงความบริสุทธิ์ และความเป็นหนึ่งเดียวของร่างกายและจิตใจ โดยการเปิดจักราทั้ง 7 เข้าสู่การรู้แจ้ง
  • พัฒนาตนเองให้เป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น
  • บำบัดรักษาตนเองและผู้อื่นโดยใช้พลังกุณฑาลินี

ท่านศรีมาตาจี ผู้คนพบสหจะโยคะ


ท่านศรีมาตาจี เป็นผู้ค้นพบสหจะโยคะ หรือ "วิศวะนิรมลธรรมะ" องค์กรไม่หวังผลกำไร ที่ตั้งอยู่ในมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

ในวัยเด็กของท่าน ท่านได้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับท่านมหาตมะคานธี ผู้ซึ่งยอมรับการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณที่อยู่ภายในท่านศรีมาตาจี และท่านได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักบุญที่ยิ่งใหญ่ของโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ จากผู้คนนับล้าน ซึ่งได้รับประสบการณ์จากคำสอนทางจิตวิญญาณของท่าน ท่านได้พูดต่อหน้าผู้คนจากนานาประเทศทั่วโลก และผู้คนมากมายจะมารวมตัวกัน เมื่อท่านได้มาสอนที่ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ ท่านศรีมาตาจี ได้สอนบรรยายและให้สัมภาษณ์ผ่านทางหนังสือพิมพ์ และวิทยุหลายพันครั้ง และเป็นหัวเรื่องบทความในนิตยสารและหนังสือพิมพ์ทั่วโลก

ตัวอย่างรางวัลที่คุณแม่ศรีมาตาจีได้รับ

  • รางวัลสาขาสันติภาพจากองค์กร สหประชาชาติในปี ค.ศ. 1989
  • รางวัล บุคคลแห่งปี ในปี ค.ศ. 1986 โดยรัฐบาลอิตาลี
  • สมาชิกกิตติมศักดิ์จากสถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์เซนต์ปีเตอร์สเบริก์
  • ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ในด้านวิทยาศาสตร์การรับรู้
  • ได้รัการประกาศยกย่องจากสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาใน ค.ศ. 1997

พลังกุณฑาลินีคืออะไร




พลังกุณฑาลินีคือ พลังดั้งเดิมของจักรวาลซึ่งสั่นสะเทือนอยู่ในมนุษย์ทุกคน เป็นพลังที่ทำให้เด็กน้อยและดอกไม้เติบโต พลังจะรวมตัวกันอยู่มากในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก เช่น ในเทือกเขาหิมาลัย แม่น้ำคงคา มหานครเมกกะ หินเอเยอร์ ในประเทศออสเตรเลีย

พลังกุณฑาลินี นี้ สถิตที่ปลายสุดของกระดูกสันหลัง ในพวกเราทุกคน เมื่อมันตื่นขึ้น มันจะพุ่งสู่จักรา (ช่องพลัง) สุดท้ายบนเหนือศีรษะของพวกเรา ซึ่งเชื่อมต่อกับพลังจักรวาลที่มีอยู่ทั้งหมด และมอบความรู้แจ้งในตนเองกับเรา นักบุญในอดีตสามารถจะบรรลุโยคะที่สมบูรณ์และตรัสรู้ได้ เมื่อพลังกุณฑาลินีของพวกเขาเปิดจักราสุดท้ายอย่างเต็มที่บนเหนือศีรษะ กระบวนการนี้ได้ถูกแสดงออกมาเป็นสัญลักษณ์ในทุก ๆ วัฒนธรรม




(สังเกตรูปของพระพุทธเจ้า กับพลังกุณฑาลินีที่เป็นเปลวไฟโชติช่วงอยู่บนเศียรของพระองค์)

พลังกุณฑาลินีสามารถช่วยเหลือพวกเราได้อย่างไร



แต่ละจักราจะมีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณ เมื่อพลังกุณฑาลินีนี้ถูกปลุกขึ้น คุณสมบัติเหล่านี้จะเริ่มแสดงออกมาในชีวิตประจำวันของพวกเราอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้น การปฏิบัติสมาธิเป็นประจำ จะช่วยให้เราเป็นคนที่คล่องแคล่ว สร้างสรรค์ มีความมั่นใจในตนเองอย่างอัตโนมัติ และในขณะเดียวกัน คุณจะเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นที่รักใคร่และมีความเมตตา สุขภาพจะพัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติ และสามารถรับรู้ถึงพลังธรรมชาติรอบ ๆ ตัวของเราได้





วิธีการนั่งสมาธิ

เริ่มด้วยการนั่งลงและผ่อนคลาย ผ่อนคลายความเครียดทั้งวันที่ผ่านมา และให้เวลากับตัวเองเพื่อพบกับความสงบภายในที่แท้จริง ต้องมีความปรารถนาที่อยู่อยู่เหนือความคิดทั้งหมด และเป็นอิสระจากอารมณ์ที่ขุ่นมัวและความกังวลทั้งหลาย

นั่งสมาธิออนไลน์ได้ที่นี่


Sunday, April 29, 2007

เราจะสามารถเห็นผลของการปฏิบัติสหจะโยคะเมื่อไร



หลังการปฏิบัติเพียงหนึ่งชั่วโมง ผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่เริ่มที่จะรู้สึกถึงพลังภายในร่างกายและเข้าถึงความสุขสงบอย่างลึกซึ้งภายใน เมื่อ 2-3 สัปดาห์ผ่านไป ผู้ปฏิบัติมักจะรู้สึกจักราของตนและพลังงานจะไหลผ่านร่างกายและเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดีขึ้น ผู้ปฏิบัติสามารถที่จะนำทางคลื่นพลังเองได้ เพื่อประโยชน์ทางด้านอารมณ์ สุขภาพร่างกาย และจิตวิญญาณของตนเอง

การปฏิบัติสมาธิแบบสหจะโยคะ ใช้เวลาเพียง 20 นาทีโดยประมาณต่อหนึ่งวันเท่านั้น





บุคคลใดสามารถที่จะปฏิบัติสหจะโยคะได้บ้าง



ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ สามารถที่จะปฏิบัติสหจะโยคะได้ เป็นวิธีที่เหมาะกับทุกบุคคล ทุกเพศและวัย ทุกอาชีพ ทุกชาติ ทุกศาสนา และทุกวัฒนธรรม




ค่าใช้จ่าย



ผู้เข้าร่วมอบรมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะคุณไม่สามารถจ่ายต่อสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตวิญญาณได้ ผู้สอนเป็นอาสาสมัครที่ไม่รับเงินจ้างใด ๆ พวกเขาประกอบอาชีพอื่น ๆ แต่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติสหจะโยคะ จึงสละเวลาเพื่อที่จะแบ่งปันความรู้ในการเปลี่ยนแปลงตนเองให้กับผู้อื่น

หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-253-3398 / 02622-2494 / 081-930-6618



สหจะโยคะ วิถีสู่การรู้แจ้งแห่งยุคปัจจุบัน

สหจะโยคะ วิถีสู่การรู้แจ้งแห่งยุคปัจจุบัน

พลังกุณฑาลินี คืออะไร

1. พลังเริ่มแรก
2. พลังผู้ให้ชีวิต
3. พลังแห่งความดี
4. พลังแห่งความรัก
5. พลังแห่งการรู้แจ้ง

เปิดจักราจะรู้สึกอย่างไร

1. เย็นไปตามแกนกระดูกสันหลัง
2. เย็นไปจนถึงศีรษะ
3. จะมีลมเย็นออกจากศีรษะ
4. จะมีลมเย็นออกจากฝ่ามือ ปลายนิ้ว หรือในร่างกาย
5. ทำให้มีความสุข และความปิติสุข
6.หาความสุขใด ๆ มาเทียบมิได้

เปิดจักราได้อะไรบ้าง

1. เพื่อร่างกายแข็งแรง สุขภาพสมบูรณ์
2. โรคภัยไข้เจ็บหายไป
3. มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม
4. มีสติ สมาธิ และปัญญา
5. มีความสงบสุขอย่างถาวร
6. เข้าสู่สายกลาง
7. รู้แจ้งเห็นจริงในตนเอง